ข่าวแรกมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ปลด พลตรี พิสิฐศักดิ์ รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร
ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งพักราชการ
เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
กระด้างกระเดื่อง ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแสใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ
หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องเป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ ช้างเผือก
ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา ที่ได้รับพระราชทาน ฯ
ข่าวที่สองจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย.
พล.ต.วิจารณ์ ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว
คสช. ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบกล่าวโทษ นายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท
ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำ
ให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสดงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้
โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
พฤติการณ์คือเมื่อปลายเดือน พ.ค.-ส.ค.2558 แอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัทซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก ส่วนอีกคดีพฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58 แอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น
พฤติการณ์คือเมื่อปลายเดือน พ.ค.-ส.ค.2558 แอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัทซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก ส่วนอีกคดีพฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58 แอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น
เหตุเกิดบริษัทคิงพาวเวอร์
จำกัด ถ.ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี ศาลทหารกรุงเทพจึงได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์
และ พ.อ.คชาชาต ตามที่ตำรวจได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ
ข่าวที่สามกรมราชทัณฑ์ รายงานว่า นายสุริยัน หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหา ม.112 มีโรคประจำตัว และมีความเครียดจากการถูกดำเนินคดี ระหว่างการคุมขังเคยถูกนำตัวไปรักษาพยาบาลหลายครั้ง รวมถึงให้พยาบาลจากภายนอกเข้าไปรักษาในเรือนจำ
ในเรือนจำมีผู้ต้องขังคดีอื่นรวมกันประมาณ
4 คนเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราทุกครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง
ต่อมามีอาการป่วยหายใจติดขัดตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย. 58
ต่อเนื่องวันศุกร์ที่ 6 พ.ย. 58 โดยมีอาการไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ
พยาบาลเสนารักษ์ประจำเรือนจำ
ได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก และได้ทำการรักษาอาการต่อเนื่อง
แต่มีอาการรุนแรงขึ้น
เวรรักษาการณ์ไปตรวจพบ ขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ
มองจากภายนอกห้องขัง เห็นว่ามีอาการหายใจเฮือก
จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจำ มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่า ชีพจรอ่อน
ไม่รู้สึกตัว
จึงจำเป็นต้องนำตัวออกจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี
ภายใน มทบ. 11 ออกไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเวลา 22.20 น.
ห้องฉุกเฉิกแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ
วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้
ม่านตาขยาย ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลฯ
ได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต
แพทย์ให้ความเห็นว่า
มีความเป็นไปได้ว่าผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ
โดยตรวจพบจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 58
พบว่ามีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจเลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพ
เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย. 58 พบมีเอมไชม์การทำงานของตับสูง
และพบว่ามีภาวะเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ
สันนิษฐานว่าเมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป
จึงอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
สาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ได้ทำการตรวจพิสูจน์ศพเรียบร้อย
จากการชันสูตรร่วม
4 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง ตำรวจ อัยการและแพทย์นิติเวช
ลงความเห็นว่าเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด
เอกสารลงวันที่ 8 พ.ย. 58 ปรากฎสาเหตุการเสียชีวิต "สันนิษฐานว่า
ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต"
แต่ด้วยวันที่
8 พ.ย.ตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ
ในวันถัดมาคือวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.จึงมีการออกหนังสือจากราชฑัณฑ์ พร้อมใบแจ้งการตายถึงนายทะเบียนเพื่อออกใบมรณบัตรตามขั้นตอนทางราชการ และแจ้งญาติแจ้งญาติให้มารับ โดยญาติไม่ติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต
จึงนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดทองสุทธาราม บางซื่อ กรุงเทพฯ
แต่หากญาติยังติดใจสาเหตุการเสียชิวิตสามารถร้องขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ชันสูตรซ้ำได้
และที่เพิ่งเป็นข่าวเนื่องจากติดวันหยุดราชการ
รวมทั้งต้องรอผลการชันสูตรทางการแพทย์อย่างเป็นทางการจาก 4 ฝ่าย
และเอกสารยืนยันการตายเพราะเป็นคดีสำคัญ
แก็งค์หมิ่นและแอบอ้างเบื้องสูงจบชีวิตไปอีกราย
สาเหตุการตายคลาย พ.อ.อภิวันท์ (รองโรมานอฟ)
ที่ติดเชื้อในกระแสเลือดตายที่ฟิลิปปินส์
และก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.ปรากรม แก็งค์เดียวกันก็ผูกคอตายคาเรือนจำ
ทุกคนล้วนมีอันเป็นไป สุดท้ายจบไม่สวยสักราย
พวกที่เหลือก็หนีระหกระเหินไปต่างประเทศ
จะช้าหรือเร็วก็ต้องรับกรรม แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก
ไม่มีที่ให้ยืนสำหรับพวกหมิ่นและแอบอ้างเบื้องสูง มีแต่ที่นอนในวัดรออยู่เท่านั้น
ใครที่เกี่ยวข้องก็เตรียมก้มหน้ารับกรรม
@ เสธ น้ำเงิน2
**
หนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ ทุกตอนที่ร้าน B2S และขอรับง่ายๆ
คลิ๊กไปที่ https://t.co/KxhM77h8oO
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น