วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เผย..หมอหยองสิ้นลมแล้วเมื่อกลางดึกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และปลด ถอดยศ ออกหมายจับนายทหาร


ข่าวแรกมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปลด พลตรี พิสิฐศักดิ์ รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งพักราชการ

เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระด้างกระเดื่อง ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแสใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องเป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน


และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา ที่ได้รับพระราชทาน ฯ



ข่าวที่สองจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.ต.วิจารณ์ ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบกล่าวโทษ นายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำ ให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสดงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
  



พฤติการณ์คือเมื่อปลายเดือน พ.ค.-ส.ค.
2558 แอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัทซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก ส่วนอีกคดีพฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58 แอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น


เหตุเกิดบริษัทคิงพาวเวอร์ จำกัด ถ.ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี  ศาลทหารกรุงเทพจึงได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ตามที่ตำรวจได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ 



ข่าวที่สามกรมราชทัณฑ์ รายงานว่า นายสุริยัน หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหา ม.112  มีโรคประจำตัว และมีความเครียดจากการถูกดำเนินคดี ระหว่างการคุมขังเคยถูกนำตัวไปรักษาพยาบาลหลายครั้ง รวมถึงให้พยาบาลจากภายนอกเข้าไปรักษาในเรือนจำ

ในเรือนจำมีผู้ต้องขังคดีอื่นรวมกันประมาณ 4 คนเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราทุกครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง  ต่อมามีอาการป่วยหายใจติดขัดตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย. 58 ต่อเนื่องวันศุกร์ที่ 6 พ.ย. 58 โดยมีอาการไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ

พยาบาลเสนารักษ์ประจำเรือนจำ ได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก และได้ทำการรักษาอาการต่อเนื่อง แต่มีอาการรุนแรงขึ้น  เวรรักษาการณ์ไปตรวจพบ ขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขัง เห็นว่ามีอาการหายใจเฮือก จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจำ มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่า ชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว


จึงจำเป็นต้องนำตัวออกจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายใน มทบ. 11 ออกไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์   เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉิกแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ

วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลฯ ได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต

แพทย์ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่าผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ โดยตรวจพบจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 58 พบว่ามีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจเลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพ เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย. 58 พบมีเอมไชม์การทำงานของตับสูง

และพบว่ามีภาวะเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ สันนิษฐานว่าเมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป จึงอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว สาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ทำการตรวจพิสูจน์ศพเรียบร้อย

จากการชันสูตรร่วม 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง ตำรวจ อัยการและแพทย์นิติเวช ลงความเห็นว่าเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด  เอกสารลงวันที่ 8 พ.ย. 58 ปรากฎสาเหตุการเสียชีวิต "สันนิษฐานว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต" 

แต่ด้วยวันที่ 8 พ.ย.ตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ  ในวันถัดมาคือวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.จึงมีการออกหนังสือจากราชฑัณฑ์ พร้อมใบแจ้งการตายถึงนายทะเบียนเพื่อออกใบมรณบัตรตามขั้นตอนทางราชการ  และแจ้งญาติแจ้งญาติให้มารับ โดยญาติไม่ติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต จึงนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดทองสุทธาราม บางซื่อ กรุงเทพฯ 


แต่หากญาติยังติดใจสาเหตุการเสียชิวิตสามารถร้องขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ชันสูตรซ้ำได้ และที่เพิ่งเป็นข่าวเนื่องจากติดวันหยุดราชการ รวมทั้งต้องรอผลการชันสูตรทางการแพทย์อย่างเป็นทางการจาก 4 ฝ่าย และเอกสารยืนยันการตายเพราะเป็นคดีสำคัญ 

แก็งค์หมิ่นและแอบอ้างเบื้องสูงจบชีวิตไปอีกราย สาเหตุการตายคลาย พ.อ.อภิวันท์ (รองโรมานอฟ) ที่ติดเชื้อในกระแสเลือดตายที่ฟิลิปปินส์  และก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.ปรากรม แก็งค์เดียวกันก็ผูกคอตายคาเรือนจำ ทุกคนล้วนมีอันเป็นไป สุดท้ายจบไม่สวยสักราย

พวกที่เหลือก็หนีระหกระเหินไปต่างประเทศ จะช้าหรือเร็วก็ต้องรับกรรม แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก ไม่มีที่ให้ยืนสำหรับพวกหมิ่นและแอบอ้างเบื้องสูง มีแต่ที่นอนในวัดรออยู่เท่านั้น ใครที่เกี่ยวข้องก็เตรียมก้มหน้ารับกรรม

@ เสธ น้ำเงิน2
** หนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ ทุกตอนที่ร้าน B2S และขอรับง่ายๆ คลิ๊กไปที่ https://t.co/KxhM77h8oO

กติกา" คอมเม็นท์โปรดงดคำหยาบ , ป่วน , ภาพ สามารถติดตามข่าว สอบถามรวมเล่มหนังสือ แฉ ความลับ คลิ๊กไปที่ https://www.facebook.com/topsecretthaibook

ไม่มีความคิดเห็น: