วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แฉ..ช็อคโลกลัทธิประชาธิปไตย สั่งปล้นและฆ่าผู้นำประเทศเจ้าหนี้เพื่อล้างหนี้ท่วมหัว


พ.ศ. 2535 ชาติต่างๆ ในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง 45 ประเทศ ได้ตัดสินใจที่จะมีดาวเทียมเป็นของตัวเอง โดยจีนและรัสเซียจะช่วยผลิตดาวเทียมให้เพื่อให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม โครงการนี้ต้องใช้เงินถึง 150,000 ล้านบาท และจำเป็นต้องจ่ายเงินทันที 120,000 ล้านบาท เพื่อให้โครงการเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเงินเยอะมากในสมัยเมื่อ 28 ปีที่แล้วนั้น


เดิมทีทั้ง 45 ประเทศ ตัดสินใจจะไปกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีกลุ่มอิลลูมินาติควบคุมอยู่  ภายใต้ฉากหน้าจ้าวลัทธิประชาธิปไตย แต่ด้วยปัญหาสงครามในอิรักหลายครั้งที่จ้าวลัทธิฯ อ้างว่าต้องกำจัดซัดดัม ฮุสเซน จึงหาเหตุฆ่าคนมุสลิมตายเป็นผักปลา เฉพาะในอิรักช่วงปี 2546 อเมริกาก็ฆ่าคนอิรักตายเกือบล้านคนเข้าไปแล้ว ทำให้โครงการนี้ชะลอเรื่อยมาก


พันเอกมุอัมมาร์กัดดาฟี ผู้นำประเทศลิเบียในสมัยนั้น ที่โลกตะวันออกยังไม่ค่อยรู้จักเขาดี เขาได้สร้างโอกาสและความโชคดีให้กับประชาชนลิเบียในประเทศ ประเทศลิเบียสมัยเขาเป็นผู้นำไม่มีหนี้ภายนอกประเทศ เงินทุนสำรองของลิเบียมีอยู่ 4.5 ล้านล้านบาทกระจายอยู่ทั่วโลก  รัฐบาลของเขาจัดสวัสดิการจากรัฐบาลให้แก่ประชาชน ที่สำคัญๆ และควรจดจำ เช่น

ชาวลิเบียทั้งหมด ใช้ไฟฟ้าฟรีเนื่องจากรัฐบาลไม่มีการเก็บค่าไฟฟ้า ในลิเบียธนาคารทุกแห่งเป็นของรัฐ และกฎหมายลิเบียกำหนดให้ประชาชนกู้เงินโดยปลอดดอกเบี้ย การมีบ้านเป็นของตนเอง ถือเป็นสิทธิมนุษยชน  คู่แต่งงานใหม่จะได้รับเงินขวัญถุงจากรัฐบาลเป็นเงิน ประมาณ 1,500,000 บาท เพื่อซื้อบ้านหลังแรกเริ่มต้นชีวิตครอบครัว


ก่อนหน้าสมัยพันเอกกัดดาฟี เป็นผู้นำลิเบียมีผู้อ่านออกเขียนได้เพียง 25% เขาจึงมีนโยบายให้ประชาชนลิเบียได้รับการศึกษา และการรักษาพยาบาล ฟรีโดยไม่คิดมูลค่า  ส่งผลให้มีผู้อ่านออกเขียนได้ เพิ่มขึ้นจำนวน 83% ถ้าชาวลิเบียคนใดไม่สามารถหาบริการทางด้านการศึกษา และการแพทย์ที่ตัวเองต้องการได้


รัฐบาลจะจ่ายเงินให้และยังให้เงินอีกประมาณ 70,000 บาท เป็นค่าที่พักและค่าพาหนะไปรักษาที่อื่นอีกด้วย  จนชาวลิเบีย 25% จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ผู้หญิงลิเบียที่คลอดลูกจะได้รับเงิน 150,000 บาท ขนมปัง 40 ก้อนในลิเบียราคาประมาณ 5 บาท  ถ้าชาวลิเบียจบการศึกษาและไม่สามารถหางานทำได้  รัฐบาลจะจ่ายเงินเดือนให้พอๆ กับคนที่ทำงานจนกว่าจะหางานได้


ชาวลิเบียคนใดที่ต้องการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รัฐบาลจะให้ที่ดินทำการเกษตร ให้บ้าน เครื่องมือทำการเกษตร  เมล็ดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ แบบให้เปล่าเพื่อเริ่มต้นอาชีพเกษตรกรรม   เขาเป็นผู้ทำโครงการชลประทานใหญ่ที่สุดในโลก ที่เรียกกันว่าโครงการแม่น้ำใหญ่ที่มนุษย์ทำขึ้นเพื่อส่งน้ำไปเลี้ยงผืนทะเลทราย


ชาวลิเบียคนใดซื้อรถ รัฐบาลจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง ราคาน้ำมันรถยนต์ในลิเบีย ลิตรละประมาณ 5-6 บาท  เงินส่วนหนึ่งจากการขายน้ำมันของรัฐบาลจะถูกโอนเข้าบัญชีพลเมืองชาวลิเบียโดยตรง พันเอกกัดดาฟี ปกครองประเทศลิเบียนานถึง 42 ปี โดยที่ไม่มีชาวลิเบียคนใดลุกขึ้นมาประท้วงผู้นำของตนว่าเป็นเผด็จการเลย เพราะประชาชนมีความสุขเหมือนขึ้นกว่าอยู่ในลัทธิประชาธิปไตย ที่ประชาชนต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินภาษีไปเป็นเงินเดือนนักการเมือง


พ.ศ. 2550 พันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบียได้อาสาเข้ามาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่โครงการดาวเทียมทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง โดยจ่ายเงินให้ 90,000 ล้านบาท การเป็นผู้ใจบุญสนับสนุนทางการเงินครั้งนั้นทำให้ IMF สูญเสียประโยชน์ จากดอกเบี้ยเงินกู้ และการมีอิทธิพลในตะวันออกกลาง

เท่านั้นยังไม่พอ พันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยังต้องการสร้างความเข้มแข็งให้แอฟริกาและตะวันออกกลาง ด้วยการสร้างสถาบันการเงิน ที่สำคัญ 3 แห่งขึ้น คือ

1. กองทุนการเงินแอฟริกา (African Monetary Fund) ซึ่งมีแผนจะตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2554 โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศแคเมอรูน ถ้าสถาบันการเงินนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้ชาติแอฟริกาและตะวันออกกลาง ไม่ต้องพึ่งพาอาศัย IMF ของอิลลูมินาติอีกต่อไป นั่นหมายความว่าฝรั่งจะสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลในอนาคต

2. ธนาคารกลางแอฟริกา (Central African Bank) ซึ่งจะมีสำนักงานใหญ่ในเมืองอาบูญา ของไนจีเรีย สถาบันการเงินนี้จะทำให้ชาติแอฟริกา เลิกใช้เงินสกุลเงินดอลลาห์ หรือของยุโรป และหันมามีสกุลเงินกลางเป็นของตัวเอง

3. ธนาคารเพื่อการลงทุน (Bank of Investment) จะเปิดขึ้นในประเทศลิเบีย ธนาคารนี้จะควบคุมการลงทุนในแอฟริกา และตะวันออกกลาง  เพราะชนชาติผิวขาว ดูถูกและเอารัดเอาเปรียบกดขี่ ขูดรีด ชนชาติผิวดำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกามานานแล้ว พันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย จึงคิดที่จะปลดปล่อยคนแอฟริกา ให้พ้นจากการเป็นทาสของชาติตะวันตก


ผู้นำชาติต่างๆ ในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลางจึงเห็นชอบร่วมกันในโครงการดังกล่าว แต่มหาอำนาจจ้าวลัทธิประชาธิปไตย และชาติยุโรป ไม่เห็นชอบด้วย คัดค้านหัวชนฝาเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์มากมายมหาศาลเหลือเกิน

พันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยังต้องการที่จะรวมชาติต่างๆ ในแอฟริกาให้เป็น “สหรัฐแอฟริกา (United States of Africa) เหมือนกับสหรัฐอเมริกา ถ้าชาติแอฟริการวมตัวกันได้เมื่อใด สหรัฐแอฟริกา ก็จะเป็นชาติใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองมากขึ้น และถูกเอารัดเอาเปรียบน้อยลง

ลิเบียผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูงและการผลิตน้ำมันของลิเบียมีต้นทุนเพียง 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ชาติตะวันตกซื้อจากลิเบียไปกลั่นขายในตลาดโลก แล้วโขกสับราคาบาร์เรลละหลายสิบ หรือบางครั้งก็เกือบ 100 ดอลลาร์  แต่สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกากลับเป็นหนี้ประเทศลิเบียถึง 6 ล้านล้านบาท สหประชาชาติ ( UN) กำลังเตรียมที่จะมอบรางวัลให้แก่ประธานาธิบดีกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ในฐานะผู้สร้างความสำเร็จในด้านสิทธิมนุษยชนอย่างยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ 


ในปี พ.ศ. 2555 สัมปทานการขุดเจาะน้ำมันของชาติตะวันตกในลิเบียจะหมดอายุลง พันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบียประกาศว่า "ถ้าชาติตะวันตกที่เป็นลูกหนี้ขี้เหนียวยังไม่ยอมจ่ายหนี้เก่าให้ลิเบีย เขาจะให้สัมปทานใหม่แก่บริษัทของจีนและรัสเซีย “ สร้างความเดือดดาลให้กลุ่มอิลลูมินาติ และชาติตะวันตกมาก ว่าทำไมต้องทวงหนี้กันด้วย

ขณะนั้นมีปัญหาการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรปที่ใกล้จะล้มละลายจากลัทธิประชาธิปไตยทุนนิยม  และถ้าพันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ปลดแอกชาติแอฟริกาให้พ้นจากการถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบจากชาติตะวันตกได้  อเมริกาและชาติตะวันตกอย่างฝรั่งเศสที่ยัดครองแอฟริกาดูดทรัพยากรมานานต้องตายแน่ๆ


แผนการณ์ “ก่อสงครามล้างหนี้ “ จึงเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน  มีการประโคมเต้าข่าวดื้อๆ จากสื่อยิวไซออนิสต์ใหญ่ๆ ของโลก ว่าพันเอกกัดดาฟี เข่นฆ่าสังหารประชาชนของตนเอง เพื่อพยายาม หลอกลวงต้มตุ๋นชาวโลกที่อยู่ห่างไกลออกไป  มีแต่ประชาชนชาวลิเบียเท่านั้นที่รู้ว่ากัดดาฟี จะเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองทำไม ในเมื่อเขาให้การศึกษา การรักษาพยาบาลแบบให้เปล่าแก่ประชาชนทุกคน

ชาติยุโรปในสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังจะล่มสลาย สหรัฐเองก็เป็นชาติที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก ด้วยความกังวลว่าจะสูญเสียแอฟริกาไป นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกาสมัยนั้น ตระเวณเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในแอฟริกาเพื่อชักชวนชาติเหล่านั้นไม่ให้พันเอกกัดดาฟี


จากนั้นก่อตั้งกองกำลังก่อการร้ายสร้างกลุ่มกบฏในลิเบียเพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็น สปป.ต่างๆ แล้วให้ไปเปิดสถานทูตของตัวเองในวอชิงตันโดย UN ไม่ต้องรับรองประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น อเมริกาและ NATO ยังชักชวนและบีบให้ประเทศในแอฟริกาเลิกคบค้ากับจีนด้วย เพราะจีนและรัสเซียจะช่วยผลิตดาวเทียมให้แอฟริกานั่นเอง


ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - ปลายเดือนสิงหาคม 2554 ก่อนที่ชาติตะวันตกจะหมดสัมปทานน้ำมันในลิเบีย และก่อนที่จะเกิดกองทุนการเงินแอฟริกา (African Monetary Fund)  ทางนาโต้ ได้บุกโจมตีลิเบียเอาดื้อๆ อย่างว่าเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน ??? ประชาชนชาวลิเบีย ตามเมืองต่างๆประมาณ 1.7 ล้านคน ได้ออกมาเดินขบวนสนับสนุนผู้นำของตนเอง


ต่อต้านชาติตะวันตกอย่างหนัก แต่ภาพและข่าวเหล่านี้ไม่เคยถูกนำออกมาเผยแพร่ในทั่วโลก  แต่สื่อกระแสหลักยิวไวออนิสต์ของตะวันตก  กลับนำเสนอข่าวตรงกันข้ามเผยแพร่ลวงโลกว่า ว่าพันเอกกัดดาฟี เป็นเผด็จการ หลักการคล้ายใส่ร้ายรัฐบาลทหารของไทยอยู่ขณะนี้  แต่ประชาชนไทยส่วนใหญ่ กลับต่อต้านการเสนอข่าวของชาติตะวันตกลวงโลก


กองทัพนาโต้และอเมริกาเร่งใช้อาวุธทุกประเภทประเคนทิ้งระเบิดใส่ลิเบียไม่ยั้ง ชาวลิเบียผู้บริสุทธิ์ล้มตายนับไม่ถ้วน และตามล่าพันเอกกัดดาฟี  นาโต้มีการกำหนดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบียขึ้นมาเองดื้อๆ โดยการชักใยของบริษัทน้ำมัน และนายธนาคารโลก ที่เป็นเหล่าอิลลูมินาติที่ต้องการปล้นทรัพย์สินของลิเบีย


ประเทศลิเบียแม้จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็เป็นประเทศเล็กๆ ไหนเลยจะมีแสนยานุภาพทางทหาร เพียงพอที่จะไปต่อกรกับกองทัพนาโต้และจ้าวลัทธิประชาธิปไตย ยิ่งถ้าต่อสู้บ้านเมืองก็มีแต่จะเสียหาย ผู้คนจะต้องบาดเจ็บและล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก พันเอกกัดดาฟีจึงได้แต่ถอยหนีเพื่อรักษาชีวิตประชาชนที่เขาปกป้องดูแลมาตลอดเวลาที่ครองอำนาจ


กองกำลังนาโต้ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะส่งทหารจากชาติของตนเข้าไปปฏิบัติการสงครามในลิเบีย  ทหารกบฏที่ไล่ล่าพันเอกกัดดาฟีจึงมิใช่ทหารลิเบีย แต่เป็นทหารรับจ้างจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และกาตาร์  ที่นาโต้ส่งเข้าไป หลักการคล้ายๆ กองกำลัง IS CIA ที่อเมริกาและนาโต้ ส่งเข้าไปก่อสงครามในซีเรีย เพื่อโค่นล้มนายอาดซาด ผู้นำของประชาชนเขาในตอนนี้


ในที่สุดเขาก็ถูกทำร้ายต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร สิ้นผู้นำที่ชื่อว่ามุอัมมาร์กัดดาฟีเสียแล้ว เขาไม่ทันได้รับรางวัลจากสหประชาชาติ ( UN) ที่จะมอบให้กับเขาในฐานะผู้สร้างความสำเร็จในด้านสิทธิมนุษยชนอย่างยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ  เงินทุนสำรองของประเทศลิเบียก็ถูกอายัดหมดโดยชาติมหาอำนาจ

หนี้สินของชาติมหาอำนาจตะวันตกที่มีต่อลิเบีย ก็ถูกเบี้ยวไม่ได้คืนมาสักบาท  แหล่งสัมปทานน้ำมันในลิเบียถูกชาติตะวันตกยึดไปจนสิ้น เกิดความแตกแยกระส่ำระสายสงครามกลางเมืองในลิเบีย ชาวลิเบียไม่ได้สวัสดิการเหมือนที่เคยได้รับจากกัดดาฟี ผู้นำคนเก่าอีกเลย ประเทศลิเบียของพวกเขาทุกวันนี้เต็มไปด้วยกลุ่มก่อการร้ายของอเมริกาและตะวันตก


ที่ฆ่าคนเล่นทุกวันเหมือนผักปลา อยากจะจับใครไปฆ่าก็ทำตามอำเภอใจ สนามบินสุดหรูก็กลายเป็นที่ยิงจรวดแย่งอำนาจกันของกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มที่ชาติตะวันตกหนุนอาวุธให้มายิงกัน เสียงปืนดังระงมกึกก้องไปทั่วเมืองใหญ่ของลิเบียจนถึงทุกวันนี้  จนคนงานชาวไทยอยุ่ไม่ได้รัฐบาลทหารของไทยต้องสั่งอพยพกลับมาด่วนเมื่อไม่นานมานี้


และที่เพิ่งช็อคโลกอีกก็คือมีรายงานอย่างเป็นทางการจากกลุ่มเฝ้ามองระบบยุติธรรมหรือ Judicial Watch ว่าหลังจากโค่นล้มประธานาธิบดีกัดดาฟีผู้นำลิเบียในเดือนตุลาคม 2554 แล้ว ต่อมาราว 1 ปีในเดือนสิงหาคม ปี 2555 โอบามาผู้นำจ้าวลัทธิประชาธิปไตย เป็นผู้สั่งการให้ CIA ฝึกนักรบกลุ่มไอซิส (ISIS =the Islamic State of Iraq and Syria)


และสั่งให้นำอาวุธทางทหารของลิเบียมารวมกันในคลังอาวุธเมืองเบงกาซี ลิเบีย จากนั้นก็สั่งกองกำลัง IS CIA ปล้นอาวุธลิเบียที่เก็บเอาไว้จากเมืองเบงกาซี แล้วส่งออกจากเมืองท่าเบงกาซี  ไปยังเมืองท่าบาเนียส์ และเมืองท่าบอร์อิลสาม ในประเทศซีเรีย  อาวุธที่อเมริกาปล้นไปประกอบด้วยปืนยาวลอบสังหาร , จรวด RPG, ปืนใหญ่ขนาด 125 มม. และ 155 มม.

เรือที่ลำเลียงอาวุธเป็นเรือขนาดกลางบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ได้ประมาณ 10 ตู้ แล้วขนย้ายอาวุธที่ปล้นลิเบียไป เอาไปให้กองกำลังฝ่ายกบฏ , กลุ่มอัล-นุสรา ฟร้อน , กลุ่มก่อการร้าย IS CIA รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมอื่นๆ ในซีเรีย  สิ่งที่เกิดตามมาชวนช็อคคือ หลายสัปดาห์หลังจากอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออกไป เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ 4 คน รวมทั้งเอกอัครราชทูตก็ถูกสังหารปิดปากโดยฝีมือของกลุ่ม IS CIA  



ชาติมหาอำนาจจะวันตกจึงใช้นโยบาย “แบ่งแยกแล้วปกครอง” และ “แบ่งแยกแล้วทำลาย”  ถ้าเห็นว่าประเทศใดดีกว่า มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน ก็จะหาทางให้คนในประเทศนั้นทะเลาะเบาะแว้งกัน  โดยเร่งให้เข้าสู่ลัทธิประชาธิปไตย  และพยายามทำให้คนในประเทศนั้นๆ คลั่งเลือกตั้ง

ทำให้ผู้คนหมกหมุ่นกับสิ่งฟุ้งเฟ้อ และไม่ใส่ใจการศึกษาและไม่ถอดบทเรียน เพื่อที่พลเมืองในประเทศนั้นจะได้ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของตน  ขั้นสุดท้ายก็คือการตั้งผู้ปกครองที่สั่งซ้าย-ขวาหันได้ขึ้นมาปกครองประเทศนั้น  แล้วทำการทวงบุญคุณ ครอบงำ และมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลอย่างแท้จริง อ้างว่าเพื่อสิทธิมนุษยชน

ชาติตะวันตกใดที่มีพฤติกรรมเช่นนี้กับไทย ขอให้รู้เถิดว่าเขาหวังประโยชน์จากทรัพยากรและผลประโยชน์จากประเทศของเรา เขาไม่ได้จริงใจใดๆ กับเราดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือสามัคคีดื้อนิ่งไม่ต่อต้านตรงๆ แต่ทำสิ่งตรงข้ามกับที่เขาต้องการแล้วชาติเราจะรอดปลอดภัย

เสธ น้ำเงิน4
** หนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ ทุกตอนเหมาะสำหรับสะสม หรือของฝากนักรบน้ำหมากที่ร้าน B2S ทุกสาขา หรือขอรับง่ายๆ คลิ๊กไปที่ http://t.co/KxhM77h8oO


กติกา" คอมเม็นท์โปรดงดคำหยาบ , ป่วน , ภาพ สามารถประสานสอบถามทีมงานรวมเล่มหนังสือ แฉ ความลับ คลิ๊กไปที่ http://www.facebook.com/topsecretthaibook

ไม่มีความคิดเห็น: